ครูเคี้ยง – Deep Finder Freediving

เคี้ยง CEO แห่ง Deep Finder – คนที่ชอบเล่นกับตัวเองในน้ำ เคยทำฟินขาย และกลายเป็น freediving instructor

ถ้าถามตัวผู้เขียน (มะปุง) ปุงรู้จักพี่เคี้ยงเพราะบังเอิญไปซื้อฟินด้วย (ตอนนั้นพี่เคี้ยงทำฟินขาย) แต่หลายคนอาจจะรู้จัก CEO แห่ง Deep Finder คนนี้จากห้องเรียน Freedive ที่สุดจะแปลกไม่เหมือนใคร (เพราะเน้นเล่น ไม่เน้นเรียน 555) บทสัมภาษณ์นี้จะพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับ “พี่เคี้ยง” ให้มากขึ้น จนหลายคนอาจคิดไม่ถึงมาก่อนเลยทีเดียวค่ะ

ก่อนก่อตั้ง Deep Finder ทำอะไรมาก่อน ??

เป็นพนักงานบริษัท ทำงานเป็น Engineer ด้าน Network คือชีวิตไม่เคยมีอะไรเกี่ยวกับดำน้ำเลย แต่เป็นคนชอบกีฬาทางน้ำอยู่แล้ว ชอบว่ายน้ำ ชอบไปทะเล

แล้วมาเริ่มเรียน Freedive ได้ยังไง ??

ทันทีที่ได้ยินคำถามพี่เคี้ยงเอียงคอถามกลับว่า “ให้เล่าอีกเหรออออ??” เล่าอีกดิพี่ หนูรู้แล้วแต่คนอื่นเค้าไม่รู้ไง 5555

: เหตุเกิดจาก ‘จ๋า’ เป็นคนชวน
จ๋าไปดูคลิปใน IG เป็นคลิปผู้หญิงคนนึงถือหินและวิ่งอยู่ใต้น้ำ จ๋าบอกเท่ดี เลยอยากลองเรียน Freedive ดูถามพี่จริงๆ พี่กลัวนะ ‘กลัวการกลั้นหายใจ’

แต่พอมาลองเรียนดู เอ้อออ…เราก็เก่งนี่หว่า 5555 เรียนครั้งแรกก็ชอบเลยนะ เพราะเราก็ชอบอยู่ในน้ำอยู่แล้ว ‘การอยู่ในน้ำเป็นสิ่งที่สบาย’

ตอนเรียน freedive ใหม่ๆ คิดว่าเราจะมาไกลขนาดนี้มั้ย ??

: หู่ย ไม่เลย มันแค่การไปเรียนเป็นเพื่อนจ๋าเท่านั้น แต่พอมันสนุกดี มันก็เลย ‘ไปเรื่อยๆ’

ไปเรื่อยๆ คือไปเที่ยวกับเพื่อนก่อน ตอนนั้นเที่ยวยับเลย เราไม่มีเป้าหมายที่อยากจะไปลึกๆ อยากทำสถิติอะไรเลย มันแค่สนุกที่ได้อยู่กับเพื่อน ส่วนความเป็นครูมันมาทีหลัง

: พี่ไม่เคยคิดว่ามันจะทำเป็นอาชีพได้ด้วยซ้ำ เพราะตอนนั้นพี่ก็มีงานประจำอยู่แล้ว

จุดเปลี่ยนมันมาตอนโควิดพอดี บริษัทพี่มีนโยบาย Layoff แบบสมัครใจแล้วได้เงินก้อน สำหรับเราตอนนั้นมันคุ้มค่าอยู่ เราเลยตัดสินใจลาออก

ลาออกมาแล้วก็ยังไม่เป็นครู ไปทำฟินขายก่อน ?

: ใช่ ตอนนั้น Freedive มันเป็นกระแสมากๆๆๆๆ เราก็มองว่า ฟิน Freedive เป็นธุรกิจที่น่าสนใจ เพราะฟินนำเข้าแพงมากๆ แพงกว่าตอนนี้อีกนะ ตอนนี้ถือว่าฟินนำเข้าถูกลงมาแล้ว พอเราได้ลองไปถามคนที่ทำธุรกิจนี้อยู่แล้วเค้าก็บอกว่าต้นทุนจริงๆ มันไม่ได้สูงขนาดนั้น เราเลยลองลงมือทำเองเลย

ลงมือทำเองในที่นี้คือทำเองกับมือ ??

: ใช่ ทำเอง ขัดเอง ทำทุกขั้นตอนกับมือ ตอนนั้นเรียกว่ามีการรวมตัว ‘Deep Finder รุ่นบุกเบิก’ เป็นรุ่นแรกเลย เพื่อทำฟินโดยเฉพาะ ตอนนั้นก็มี ‘พี่วี่’ มาแนะนำว่าให้เป็นครูสอนนะ เพราะมันจะส่งเสริมกับแบรนด์ที่เราทำด้วย แต่คนในทีมเรามีเป้าหมายจะเป็นครูอยู่แล้ว พี่เลยตั้งใจจะอยู่เบื้องหลังเป็นคนทำฟินต่อไป แต่เวลาผ่านไปสมาชิกรุ่นแรกเค้าก็มีเส้นทางของเค้า สุดท้ายพี่เลยตัดสินใจไปตามคำชวนของพี่วี่ ไปเป็น freediving instructor

ฟินยี่ห้อ Deep Finder ตอนนั้นวาง bussiness model ไว้ยังไง ?

: ฟินคนไทยทำ ราคาถูก คุณภาพดี

: แต่มันเป็นแค่ ‘สิ่งที่คิด’ พอมาลองทำจริงมันไม่มีความคุ้มเลย ต้นทุนวัตถุดิบมันไม่สูง แต่ด้วยความที่ฟินมันเป็น ‘งานฝีมือ’ มันไม่สามารถสร้างกำไรได้เยอะขนาดนั้น เพราะโอกาสที่จะพังและสำเร็จมันเท่ากันเลย

ความฝันแบรนด์ฟิน Deep Finder ก็จบไปแบบนั้นเลย ??

: จบเลย แต่พี่ก็ได้ประสบการณ์ ได้ความรู้ และที่สำคัญพี่ได้ความสนุกมาเยอะนะ เพราะนอกจากทำฟินขาย มีเปิด Workshop ให้คนมาลองฟิน ได้แชร์เทคนิคการตีฟินกับคนที่มาลอง จริงๆ ได้รู้จักกับพี่วี่ใน Workshop นี่แหละ

: คิดว่าถ้าไม่ได้ทำฟิน Deep Finder หรือเป็นครู ก็คงไปทำอย่างอื่นที่เลี้ยงปากท้องแทน

‘แต่งานนี้มันเป็นงานที่เลี้ยงทั้งตัวและทั้งใจด้วย’

แวะขายของก่อน ถ้าตอนนี้มีนักเรียนอยากซื้อฟินล่ะ ยังขายมั้ย ??

: ขายสิ แต่ต้องบอกว่ารุ่นที่พี่ทำเองกับมือมันไม่มีแล้ว แต่พี่สามารถติดต่อโรงงานผลิตให้ได้ เป็นมาตรฐานเดียวกับที่ Deep Finder เคยทำขายมาก่อนเลย

แต่ต่อให้เราเลิกขายฟิน คนก็ยังติดภาพว่าเราคือร้านขายฟินนะ รู้ตัวมั้ย ??

: จริงเหรอ ?? (หันไปถามทุกคนในห้อง) พี่ไม่รู้ตัวเลย 555+ มันพลาดตรงเราทำฟินมาก่อนด้วยแหละ มันแกะไม่ออกเลยเรื่องนี้ แถมคนยังชอบเรียก ‘ดีปฟินเด้อ’ อีก

: จริงๆ มันมี Concept ของ Deep Finder อยู่นะ แต่บางที่พี่อาจจะไม่ได้ถ่ายทอดออกมาบ่อยๆ

อยากอธิบายคำว่า Deep ใน Deep Finder เพราะเคยถามนักเรียนและหลายๆ คน เค้าเข้าใจว่ามันคือ ‘ความลึก’

จริงๆ เราไม่ใช่โรงเรียนที่เน้นให้ใครผลักดันตัวเองเพื่อทำสถิติเลย สำหรับเรามันไม่ได้สำคัญ

: Deep ของพวกเรามันหมายถึงเราลงลึกไปกับ ‘สิ่งนั้น’ หรือสิ่งที่เรากำลังทำ นั่นคือเรื่องของ ‘จิตใจ หรือ สมาธิ’

: คนชอบคิดว่าการ Frenzel คือสิ่งที่ยากที่สุด แต่จริงๆ แล้วมันก็ยังมีวิธีการ เรายังสามารถมองเห็นและจับต้องได้ มันยังเป็นรูปธรรม แต่เรื่องของจิตใจและสมาธิมันเป็นนามธรรมมากๆ มันสอนไม่ได้ ไม่มีวิธีการที่ตายตัว และมันคือหัวใจของ Freedive จริงๆ

แล้วนอกจากอยากขายฟิน มีเหตุผลอื่นที่มาเป็นครูอีกมั้ย ??

: จริงๆ พี่สนุกกับการได้แชร์ สมมุติวันนี้ยกเรื่องความเป็นครูออกไปเลยพี่ก็ยังทำตัวเหมือนเดิม

ชีวิตหลังจากเป็นครูสอน Freedive เต็มตัวล่ะ ??

: มันสนุกนะ ยิ่งถ้าเราเจอนักเรียนแบบที่เราชอบอะ มันจะสนุกแบบมากๆๆๆๆ แบบไม่ยอมขึ้นจากน้ำเลย

: พี่ชอบนักเรียนแบบไม่ต้องเก่งมาก แต่หลงไหลกับสิ่งนี้ มีความสนุกกับการได้พัฒนาตัวเอง ถ้าสมมุติมาปุ๊ปเก่งเลย พี่ก็ไม่รู้จะสอนอะไร 5555+

ไม่ใช่ว่าใครจะเรียนก็ได้ เพราะเรามี ‘แบบสอบถามก่อนเรียน’

: ใช่ เราไม่ใช่โรงเรียนที่แบบ เจอ จ่าย จบ อะ ทุกคนที่ทักเข้ามาสมัครเรียนกับพี่ พี่จะถามหมดว่า

ทำไมถึงชอบ freedive? ทำไมอยากเรียนกับที่นี่? เป้าหมายคืออะไร? ความคาดหวังคืออะไร?

: เพราะถ้าเค้าอยู่ในกรอบที่เราให้ได้อะ เราจะรับเค้ามาเป็นนักเรียน เพราะเราก็อยากให้เค้าได้ในสิ่งที่อยากได้ และเราก็อยากสอนในแบบที่เราอยากสอน วินๆ ทั้งคู่

: เราต้องทำให้เค้าเข้าใจก่อนว่า Freedive มันเป็นอย่างนี้ มันยาก มันไม่ได้สวยงามแบบที่เราเห็นเค้าลงรูปกันในเน็ต ถ้าเค้ามาเจอแล้วมันไม่ได้เป็นแบบที่คิดมันเหมือนปลาช็อคน้ำอะ ฉะนั้นคุยกันก่อน

: พี่รู้ว่าการที่พี่เป็นแบบนี้มันก็มีข้อเสียนะ นักเรียนพี่อาจจะไม่ได้เยอะ แต่พี่ต้องใช้เวลากับการสอนเต็มวันอะ และงานนี้มันต้องทำให้เราแฮปปี้ด้วย

ล่าสุดเป็น SSI Advanced Freediving Instructor แล้ว สอน Lv.2 ได้ด้วย

: ใช่ แอบไปสอบมาไม่ได้บอกใคร 55555+

: Lv.2 มันสอนสนุกที่สุดแล้วสำหรับพี่ ถ้าพูดตามตรงนะ Lv.1 สอนยากที่สุด มันต้องมีความเป็นไลฟ์โค้ช เพราะมันคือการสอนคนที่ไม่รู้อะไรเลย จะชอบหรือเปล่า จะรอดหรือเปล่า ก็ไม่รู้ แต่คนที่มาลงเรียน Lv.2 คือคนที่อยากไปต่อเอง ฉะนั้นในฐานะครูไม่ต้องสร้างแรงบันดาลใจอีกแล้ว เพราะเค้าอยากทำด้วยตัวของเค้าเอง

กับ 4 ปีที่ผ่านมาในวงการนี้ มันเป็นไปอย่างที่เราตั้งใจไหม ??

: มันดีกว่านี้ได้ อีกมุมคือคนก็ยังไม่ค่อยรู้จักเรา ด้วยจุดยืนของเรามันทำให้คนสนใจเราน้อยด้วยแหละ ตลาดที่เราจับมันไม่ใช่ตลาดใหญ่ ส่วนใหญ่เค้าจะมอง Freedive เป็น ‘สันทนาการและความสวยงาม’ แต่ว่าสายกีฬาทำสถิติเราก็ไม่ได้ไปขนาดนั้น ‘เราอยู่ตรงกลาง’ ภาพมันเลยไม่ชัดเจน ความสวยงามเราก็เอานะแต่เราขอ skill เข้ามาด้วย

แต่เราก็ไม่ยอมเปลี่ยนเพื่อให้ตัวเองเป็นที่รู้จัก ??

: สำหรับพี่การเป็นตัวเองมันสำคัญอะ เพราะเวลาเราสอนเราก็อยากทำเพื่อเติมเต็มเราด้วย ถ้าเราไม่สนุกนักเรียนลูกค้าเค้าดูออก ฉะนั้นมันเสียหายเยอะกว่า เรายืนจุดนี้ดีกว่า

อย่างการสร้าง Camp ก็เกิดจากเรายืนในจุดนี้ด้วย ??

: ใช่ มันเป็นแนวคิดที่เรารู้อยู่แล้วว่า Freedive เรียนสองวันมันไม่เป็นหรอก คนชอบถามเยอะมาก เรียนกี่วันจะเป็น? สองวันทำได้เลยไหม?

: ที่ทำ Camp เพราะเราอยากรวมคนที่สนใจอะไรเหมือนกันมาอยู่ด้วยกัน พอได้ใช้เวลาด้วยกัน โอกาสที่เค้าจะอยู่กับสิ่งนี้ต่อไปมันจะสูงขึ้น

แปลว่า Freedive เป็นกิจกรรมที่คนรอบข้างโคตรสำคัญ ??

: สำคัญมาก ถ้าเป็นไปได้คอสปกติเอาออกหมดเลย แล้วทำแต่ Camp แต่ไม่รู้คนจะมาเรียนรึป่าว มันลางานยาก 5555+ เพราะคนที่เค้าไม่เคยอยู่กับ Freedive อะ เค้าไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลา

: ถ้าเค้าได้มา Camp เค้าจะเปลี่ยนความคิดจาก ‘ทำไมวันเรียนเยอะจัง’ เป็น ‘ทำไมวันเรียนน้อยจัง’

อนาคตล่ะพี่ อยากทำอะไร ??

: พี่อยากสะท้อนสิ่งที่พวกชอบออกไป ว่าเราอยู่ ‘ตรงกลาง’ ของความสวยงามและทักษะการดำน้ำ เราอยากทำให้พื้นที่ตรงนี้มันโตขึ้นมา ซึ่งมันต้องอาศัยทุกๆ คน