บรรยากาศทริป Freediving Okinawa ชิลๆ บนบก กับ ครูมะปราง
แน่นอนว่าเป้าหมายการไปทริป Freediving Okinawa ของ Deep Finder 2024 ที่ผ่านมาคือการไป Freedive พาตัวเองไปอยู่ในน้ำใส ๆ แสงสวย ๆ และสนุกกับช่วงเวลาใต้น้ำด้วยกันตาม Style ชาว Deep (แน่นอนว่าพวกเราถนัดเรื่องเล่นในน้ำมาก ๆ 555+)
แต่จริง ๆ แล้วสำหรับปรางอีกหนึ่งอย่างที่ตั้งตารอก็คือ Street Day เพราะหนึ่งในเป้าหมายคือ “ปราสาทชูริ” Landmark ประจำเมืองนาฮะ จ.โอกินาว่า ที่ปรางสุดจะหลงใหล และอยากจะพาทุกคน Deep ไปกับมรดกโลกแห่งนี้ด้วยกัน เลยไปบอกพี่จ๋าว่า “หนูขออาสาเป็นไกด์นำเที่ยวที่นี่เอง”
และความมันส์ก็เกิดขึ้นเพราะปรางนั่งหาข้อมูลปราสาทแบบ Deep สุด ๆ
วันนั้นแดดแรงและร้อนมาก พวกเราชาวแก๊งเลือกเดินทางด้วย Taxi เพราะปราสาทไม่ไกลจากโรงแรม นั่งมาไม่กี่นาทีก็ถึง พอลงรถปุ๊ป ความรู้สึกคุ้นเคยก็ตีเข้ามาในหัวเลย จริง ๆ คือการมาครั้งแรก แต่เพราะหาข้อมูลมาจนแทบจะจำได้ทุกจุด เลยรู้สึกคุ้นเคยเป็นพิเศษ 5555+ เกริ่นกันสักหน่อย ที่นี่คือ “ปราสาทชูริ” มรดกโลก ปีที่สร้างคาดว่าราว ๆ 1429 (ถ้าเทียบกับไทยก็ช่วงเปลี่ยนผ่านสุโขทัย-อยุธยา) ว่าแล้วก็พาทุกคนไปเจอกับจุดแรกที่สำคัญสุด ๆ อย่าง “ชูเรมง” (แปลว่าประตูอันงดงามที่อยู่ด้านบน ต้องเดินขึ้นเนินไปนิดนึง)
ประตูสีแดง หลังคาสองชั้น มีช่องประตู 3 ช่อง จุดเช็คอินที่นักท่องเที่ยวทุกคน รวมถึงคนญี่ปุ่นเองต้องหยุดถ่ายรูป แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเกือบทุกอย่างในปราสาทชูริเป็นของสร้างใหม่ พูดง่าย ๆ คือของปลอม เพราะส่วนใหญ่พังไปในยุทธการโอกินาว่า (ปลายสงครามโลกครั้งที่ 2) แต่ก็ยังรู้สึกขนลุกพอได้มาเห็นกับตา 5555555+ ถ้ามองรวม ๆ นี่มันศิลปะจีนชัด ๆ อารมณ์เหมือนศาลเจ้าเลย (สถาปัตยกรรมเดียวกัน) แต่สิ่งที่น่าสนใจคือตัวอักษร 邦之禮守 แปลว่า “ดินแดนแห่งความชอบธรรม”
ป้ายแผ่นเดียวจะพาเราไปไกลขนาดไหน มาดูกัน… ย้อนไปสมัยราชวงศ์หมิง อาณาจักรริวกิว (โอกินาว่าในสมัยก่อน) เป็นรัฐบรรณาการของจีน ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหน ส่งส่วยตรงเวลาหรือยังไง (ในเน็ตไม่มีข้อมูลบอก) กษัตริย์ราชวงศ์หมิงมีรับสั่งให้ขนานนามที่นี่ว่าเป็นดินแดนแห่งความชอบธรรม และนำป้ายนี้มาแปะไว้ที่ประตูชูเรมง
บางข้อมูลบอกก็ว่าประตูนี้เป็นการนำแนวคิด “ขงจื้อ” มาครอบอาณาจักรริวกิวที่ตอนนั้นนับถือศาสนาพื้นเมือง (ออกแนวศาสนาผี) เรียกง่าย ๆ คือเอาความเชื่อมาใช้เป็นเครื่องมือการปกครอง
ฟังจบแล้วก็เดินเข้าประตูไปเลย แต่บอกก่อนว่า !! สมัยก่อน VIP เค้าจะเดินเข้าช่องกลาง คนระดับล่างจะเดินช่องซ้ายและขวา วันนี้ใครอยากเล่นเป็นบทไหนเลือกเดินได้ตามใจชอบค่ะ
สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่ประตูโค้ง แต่เป็นน้องชีซ่าที่เฝ้าหน้าประตู เป็นตัวผู้ทั้งคู่ เพราะอ้าปาก!!! (ใคร ๆ ก็รู้ชีซ่าต้องมาเป็นคู่ชายหญิง) ว่ากันว่าที่ต้องเป็นชีซ่าตัวผู้ทั้งคู่เพราะที่นี่เจ้าที่แรง 55555 พูดไปเหมือนติดตลก แต่เชื่อมั้ยว่านอกจากสงครามโลกที่ทำให้ปราสาทย่อยยับ ที่นี่มีบันทึกว่าโดนไฟไหม้มาแล้ว 7 ครั้ง ซึ่งครั้งล่าสุดก็ปี 2019 นี่เอง เป็นไฟไหม้ใหญ่ที่ทำให้ปราสาททั้งหลังเหลือแต่ซาก และแน่นอนว่าเรามากันวันนี้เค้ายังสร้างไม่เสร็จค่ะ คิดดูเจ้าที่แรงจนต้องใช้ชีซ่าตัวผู้ทั้งคู่ เพราะเชื่อว่าตัวผู้จะอ้าปากคำรามไล่สิ่งชั่วร้ายออกไปค่ะ
และถ้าคิดว่าเรื่องราวของประตูจบลงแล้ว คุณคิดผิด 555555
ขอต้อนรับสู่ประตูสุดท้ายที่เก่าแก่ที่สุดอย่าง “โซโนะเฮียน อุตากิ” ประตูหิน
คาดว่าสร้างประมาณ 1519 (เก่าแก่กว่าชูเรมงซะอีก) เพราะนี่คือประตูศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวริวกิว พูดง่าย ๆ มาก่อนแนวคิดแบบขงจื้อและประตูแดงหน้าทางเข้าปราสาท
รู้ได้ไงว่าเก่าแก่กว่า?? ดูจากหลังคาแบบ “คาราฮาฟุ” หน้าจั่วแบบโค้ง สถาปัตยกรรมที่เจอได้ตามวัดญี่ปุ่นแบบโบร๊าณโบราณ
เก่าแล้วเจ๋งยังไง?? เจ๋งตรงที่ว่ากันว่ากษัตริย์ริวกิวเวลาจะเดินทางไปไหนจะต้องแวะมากราบไหว้ขอพรจากประตูนี้ก่อน แต่ว่าข้างในประตูไม่ใช่พระพุทธรูปหรือของมีค่า แต่เป็น “ต้นไม้” เพราะชาวริวกิวสมัยก่อนนับถือศาสนาธรรมชาติ บูชาต้นไม้ ถ้ำ ก้อนหิน อะไรก็ตามที่เชื่อว่ามีวิญญาณสถิตอยู่ และจะเรียกสิ่งศักดิ์สิทธิ์พวกนั่นว่า “อุตากิ”
มี “อุตากิ” แบบนี้อีกหลายจุดในปราสาท บางที่จะดูดิบ ๆ กว่าอันนี้เพราะไม่ใช่จุดที่กษัตริย์กราบไหว้ ใครมาปราสาทชูริลองมองหาและเดาดูว่าจุดไหนคืออุตากิอีกบ้าง สนุกดีค่ะ
มีไม่กี่อย่างในปราสาทชูริที่ไม่สลายไปในไฟสงคราม หนึ่งในนั้นคือ “ริวฮิ” น้ำพุมังกรนี่แหละค่ะ
หัวมังกรนี้ถูกบันทึกว่านักการเมืองสมัยริวกิวเป็นคนซื้อมาจากจีน เป็นไม่กี่อย่างในปราสาทแห่งนี้ที่รอดจากไฟสงครามที่แม้แต่กำแพงหินยังไม่รอด 5555 แต่ถ้าใครมาเที่ยวจะรู้ว่าทำไมน้องถึงรอด เพราะน้องหลบอยู่ในมุมลึกมากกกก ต้องเดินหาถึงจะเจอ
หลังจากซื้อตั๋ว พวกเราแวะมานั่งพักเม้ามอยหน้าประตูโฮชิมง ประตูสุดท้ายก่อนเข้าถึงตัวปราสาท
จริง ๆ ก็ไม่คิดว่าชาวแก๊งที่ดำน้ำด้วยกันมาหลายทริปจะสนใจประวัติศาสตร์ขนาดนี้ 5555 ด้วยความที่ปรางเคยทำงานสายศิลปวัฒนธรรมเลยเป็นเนิร์สด้านนี้ (เนิร์สในที่นี้ไม่ได้แปลว่าเก่งค่ะ แต่แปลว่าหลงใหลนิดหน่อย) เลยจะชอบสืบเสาะหาข้อมูล อ่านอะไรที่คนเค้าไม่ค่อยอ่านกัน หรือเชื่ออะไรที่เค้าไม่เชื่อกัน 5555 ในมุมมองของปรางประวัติศาสตร์มันไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ แต่เป็นเรื่องที่ Sexy มากกกก มันเต็มไปด้วยพลัง และทำให้สถานที่ธรรมดากลายเป็น Landmark ได้ หรือทำให้อาหารที่เราไม่เคยคิดจะกิน กลายเป็นจานโปรดได้ในพริบตาพอได้รู้เรื่อวราวเบื้องหลังของมัน
ประวัติศาสตร์อาจจะมีทั้งถูกและผิด แน่นอนว่าที่ปรางหยิบมาเล่าก็เป็นแค่เรื่องที่ “ปรางเลือกจะเชื่อ” มีอีกหลายแง่มุมของปราสาทชูริที่รอทุกคนค้นหา และมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งค่ะ
เม้ามอยกันเสร็จเราก็เดินเข้าไปสู่ตัวปราสาทชูริที่เราเฝ้ารอมาตลอดทั้งวัน
ใช่ค่ะ ซากที่เห็นนี่คือ “ปราสาทชูริ” อาจจะฟังดูเศร้าที่ต้องบอกทุกคนว่าปราสาทพังไปแล้วตั้งแต่ไฟไหม้ปี 2019 ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง (คาดว่าจะเสร็จในปี 2026) แต่ความโชคดีคือเราได้มาเห็นขั้นตอนการสร้างหลังคาที่ละเอียดแบบวัดกันเป็นมิลลิเมตรเลยทีเดียว 5555+ ชาวอาทิตย์อุทัยเค้าใส่ใจรายละเอียดจนเราต้องอ้าปากค้าง เค้าทำให้ที่นี่กลายเป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิต เหมือนกำลังเติบโต และรอวันที่จะกลับมาอวดโฉมให้ทุกคนเห็นอีกครั้ง
มีป้ายเล็ก ๆ ติดอยู่ที่หน้ากระจกว่า “ปราสาทชูริกำลังถูกซ่อมแซมด้วยเงินบริจาค คุณสามารถช่วยเหลือด้วยการอุดหนุนสินค้าหรือบริจาคได้” และนี่คือเหตุผลที่ทำให้ปราสาทชูริกลายเป็นมรดกโลกค่ะ
สิ่งที่ทำให้ปราสาทชูริได้เป็นมรดกโลก ไม่ใช่ตัวปราสาท แต่เป็น “ฐาน” ของปราสาท เมื่อขุดลึกลงไป พบการทับถมของข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมด 7 ชั้น นั่นคือจำนวนไฟไหม้ที่เกิดขึ้นในอดีต พูดง่าย ๆ ไม่ว่าจะถูกเผาทำลายกี่ครั้งปราสาทชูริก็จะกลับมางดงามทุกครั้ง ด้วยความร่วมมือของผู้คนทุกยุคสมัยที่ผ่านมา เพราะนี่ไม่ใช่แค่ปราสาท ไม่ใช่แค่สถานที่ท่องเที่ยวประจำเมืองนาฮะ แต่เป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นจุดรวมใจสำคัญ ที่ทำให้คนจำนวนมากยอมทุ่มเททั้งเงินและแรงเพื่อบูรณะปราสาทแห่งนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา
ตอนที่ปรางอ่านเจอเรื่องนี้ครั้งแรกคือคิดในใจว่าเหมือนนกฟีนิกซ์เลย “เกิดใหม่จากเถ้าถ่าน” เจ๋งจริง ๆ วันที่ปราสาทหลังใหม่สร้างเสร็จในปี 2026 หวังว่าจะมีโอกาสได้กลับมาเห็นด้วยตาตัวเองอีกครั้งค่ะ
ชาว Deep ยังไงก็คือชาว Deep 5555+ เดินเที่ยวปราสาทอยู่ดี ๆ ฝนก็ตก พวกเรามานั่งหลบกันอยู่ในร้านขายของที่ระลึก มีการซ้อม Frenzel กันเล็กน้อย ด้วยเป้าหมายว่า “ฝึกที่ญี่ปุ่น ทำได้ที่ไทย” มันจะเท่อะไรขนาดนี้ 55555
พวกเราจบทริปปราสาทชูริกันช่วงบ่าย ก่อนจะไปกินโซบะกันต่อที่ถนนยาชิมุน แวะดูเครื่องจานชามเซรามิก กินไอติมชิว ๆ แยกย้ายกันไปพักผ่อน บางส่วนมีแรงเหลือก็ไปเดินช็อปในห้างแอร์เย็น ๆ (แน่นอนปรางไปที่นี่ 5555) พอหมดแรงก็กลับไปโรงแรมกัน โชคดีมาก ๆ ที่วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ มีการปิดถนนหน้าโรงแรมเป็น walking street พอดี เลยได้ภาพเท่ ๆ กันมาเยอะเลยค่ะ
จริง ๆ เรื่องราวของปราสาทชูริที่เขียนมาเป็นแค่น้ำจิ้ม บางอย่างต้องไปเล่าในพื้นที่จริงจะขนลุกสุด ๆ 5555 (คนมันติ่งประวัติศาสตร์อะเนอะ) แต่บอกก่อนว่าปรางไม่ใช่ไกด์นะคะ (ไม่ได้มีบัตรไกด์ และไม่ได้เรียนสายนี้) แค่ชอบอ่านและค้นหาคำตอบเฉย ๆ เพราะความสนุกของประวัติศาสตร์ไม่ใช่การรู้ว่ามันสร้างเมื่อไหร่ แต่คือการได้รู้ว่า มันสร้างมาทำไม และปัจจุบันมันมีอยู่เพื่ออะไรต่างหาก
Deepfinder Okinawa 2025 เปิดให้จองแล้ววันนี้
ถ้าคุณอยากรู้ว่ามัน Deep แค่ไหน ทั้งวันดำน้ำและวันเที่ยวบนบก ทัก Inbox เลยค่ะ
มะปราง (มะปุง) – freediving Instructor
คนที่ชอบสอนดำน้ำแต่ไม่ค่อยมีเวลา และชอบประวัติศาสตร์นิสนึง
อย่าลืมไป กด like กด Share กันใน youtube ให้ด้วยนะครับ ที่สำคัญ อย่าลืม subscribe ให้ด้วย้นาาา
ขอบคุณค้าบบบ
Keing
Deep Finder Founder
“Find Your Deep”
#deepfinder#deepfinderth #deepfinderokinawa
#freediving#freediver#freedive
#ฟรีไดฟ์#เรียนฟรีไดฟ์#สอนฟรีไดฟ์
มะปุง แวะเข้ามาเทสระบบ
ขอบคุณภาพสวยๆ จากพี่คิว และ ฟ้า งัฟ